ซี พฤกษ์ เปิดความในใจรับเคยท้อจนอยากออกจากวงการ พร้อมเผยความสัมพันธ์กับ นุนิว เป็นคนพิเศษที่มากกว่าพี่น้อง
เมื่อ ซี พฤกษ์ ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจเพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรกยอมรับเคยท้อจนอยากออกจากวงการ พร้อมเผยความสัมพันธ์กับนุนิวเป็นคนพิเศษที่มากกว่าพี่น้อง
ซี : อย่างที่บอกถ้าเป็นเรื่องเดียวสองเรื่องโอเค แต่ถ้าให้ทำไปตลอดชีวิตหรือ 4-5 ปี ประมาณนี้ เราวางไว้ประมาณอายุ 30 ปี แต่ตอนนี้ 31 ปีแล้ว
ถาม แล้วตอนนี้อยากทำอะไร
ซี : ตอนนี้อยากจะเป็นพ่อค้าขายของ อยากเปิดร้านทำแบรนด์เสื้อผ้าด้วย พอทำแบรนด์เสื้อผ้าได้นิ่งแล้วก็อยากเพิ่มธุรกิจเข้าไปอีก แต่ไม่ใช่ไม่รับงานแสดงไปเลยนะครับ ยังรับอยู่ ที่ทำตรงนั้นก็เพราะว่าเราอยากจะทำ นั่นคืออีกหนึ่งสิ่งใหญ่ๆ ที่อยากประสบความสำเร็จครับ
ถาม เข้าใจในบทบาทการแสดงต้องการการเรียนรู้ที่ท้าทายแต่ความท้าทายก็มาพร้อมความกดดันเช่นเดียวกัน
ซี : ทุกเรื่องแหละผมว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของทุกงานอยู่แล้ว
ถาม เคยมีร้องไห้ในกองถ่ายด้วย
ซี : อันนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดขึ้น ผมเป็นคนร้องไห้ยากมาก คิวแรก และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผมด้วย แล้วเรารู้สึกว่าเราเล่นมาหลายเทคแล้ว แล้วตีกับความรู้สึกรู้สึกตัวเองว่า ทำไมได้แค่นี้เองว่ะ ก็มีพี่แต่งหน้ากับหนูนั่งอยู่ก็รู้สึกว่าดราม่า อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเลย มันเกิดจากความที่เรากดดันตัวเองแล้วเราทำไมได้ เต็ม 5 ผมให้ติดลบ ทุกคนถามว่าเป็นอะไร ถ้าไม่พูดออกมามันจะไม่คลายนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันในจุดลึกๆ ตอนนั้นมันเกิดเพราะว่าอะไร มันมาได้ยังไงผมตอบไม่ได้ ตอนนั้นว่างเปล่าแล้วก็น้ำตาไหลมาเรื่อยๆ เลย ไหลแบบหน้านิ่งๆ แล้วก็ไหลๆ อยู่นั่น
ถาม แล้วพอเราอธิบาย ปลดล็อคออกไปหลังจากนั้นเล่นได้เลยไหม
ซี : วันนั้นก็ต้อง 2-3 คิว ก็ต้องทำความเข้าใจเรียนรู้กับตัวละครนี้ให้มากขึ้น
ถาม ก็จริงๆ แล้วมีหลายอย่างซึ่งที่ผ่านมาก็สร้างความกดดันให้กับตัวเอง เช่น มีคอนเสิร์ตใหญ่
ซี : มาก เยอะ ผมเจอหลายเรื่องมาก (หัวเราะ) ผมเป็นคนไม่ค่อยเล่าในพาร์ตความอ่อนแอ เราเป็นคนไม่ค่อยได้แชร์ความอ่อนแอให้ใครเห็น ช่วง Zee Me Show ก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวเรามาก เราไม่ได้เก่งเรื่องร้องเพลงหรือการเต้น ช่วงนั้นเป็นช่วงวันเกิด แล้วเราอยากทำให้แฟนคลับ ตอนแรกก่อนก่อนหน้านี้จะมีคอนเสิร์ตของหนูมาก่อนเรารู้สึก โอ้โห หนู ถ้าหนูจัดใหญ่ขนาดนี้ วันเกิดเฮียก็ไม่น่าจะต่างอะไรจากนี้ เราก็คิดในใจว่า หนูผ่านมาได้ เราก็ต้องผ่านไปได้เหมือนกัน แต่พอมาถึงวันใกล้เวลาจริง ช่วงนั้นไม่ได้มีแค่ Zee Me Show ซึ่ง Zee Me Show เป็นพาร์ตย่อย แต่เรามีเรื่องส่วนตัว เรื่องดราม่าส่วนตัว เรื่องในชีวิตต่างๆ แบบชีวิตรุมเร้ามากตอนนั้น ไหนจะความกดดันของ Zee Me Show กลัวทำออกมาไม่ดี เรียกว่าชีวิตตอนนั้นชีวิตจิตตกมาก ตอนแรกคิดว่าจะไม่ทำด้วยซ้ำ
ถาม ช่วงเวลานี้หรือเปล่าที่เคยพูดว่า ท้อจนคิดอยากจะออกจากวงการ
ซี : ถ้าให้พูดตามตรง ช่วงนั้นด้วย ช่วงอื่นก็มี
ถาม จริงเหรอ ความสำเร็จที่ซีได้รับ แล้วก็กับความรักที่ซีได้รับเป็นเรื่องที่ไมได้เกิดขึ้นง่ายๆ แล้วก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนที่เล่นซีรีส์วาย และซีรีส์วายไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จของความดังเสมอไปโดยเฉพาะในยุคนี้ซึ่งมันล้นทะลักมาก แต่ซีเป็นหนึ่งในคนที่ทำได้สำเร็จ บางคนจะมองมาแล้วนึกในใจว่า ดังขนาดนี้ยังคิดจะออกจากวงการอีกเหรอ ในมุมตอนนั้นอะไรอยู่ในหัวเรา
ซี : ในจุดที่เรารู้สึกเหนื่อยล้าหรืออะไรเราต้องแบ่งพาร์ตการทำงาน แล้วก็ชีวิตส่วนตัวด้วยครับ สมมุติถ้าเรา
บาลานซ์กับชีวิตส่วนตัวเองไม่ดีมันเกิดการปั่นป่วน แต่ละช่วงของผมที่ผมบาลานซ์เวลาหรือชีวิตไม่ได้มันก็จะมีจุดเกิดอีกแล้วว่า เราควรทำยังไงดีกับชีวิต ควรยังไงดี กลับบ้านไหม หรือว่าทำงานน้อยลงไหม เราก็ต้องจับจุด
บาลานซ์ให้ดีซึ่งพอมองกลับกัน ในมุมอย่างที่พี่อั๋นบอกเลยว่า มันคือโอกาส มันน้อยมากที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ของแต่ละคน แต่ละคู่ เรารู้สึกว่าเราก็ต้องรับมัน แล้วเราทำเต็มที่ให้ดีที่สุดของเรา เพราะว่าคนอื่นยังอยากมายืนจุดนี้เลย
ถาม เพราะฉะนั้นเราก็โชคดีมากที่ได้มายืนตรงจุดนี้
ซี : โชคดีมากครับผม เพราะผมรู้สึกว่าคนเคียงข้างในบ้านเราหรือในบ้านครอบครัวดูมันดิของเราเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวมากๆ ครับ แล้วก็ตัวเราเองกับตัวครอบครัวของผมเองที่ทำให้ผมยังอยู่ตรงนี้ หรือว่าตัวแฟนคลับเองที่ซัพพอร์ตผลงานของผม ที่ยังชอบในความเป็นผม กับผลงาน กับผม เรารู้สึกว่าสนุก แฮปปี้กับมัน ถ้าเรารู้สึก ถ้าวันไหนถ้าเราไม่มีความสุข หมดสนุก มันก็คงไปแหละ แต่ตอนนี้เรายังสนุก ยังมีความสุข แฮปปี้ที่ทำงานแล้วยังอยู่กับหนูหรือการแสดงอยู่
ถาม ซีรีส์วายก็จะมีพวกเลิฟซีนแล้วระหว่างเรากับน้องเขินกันไหม
ซี : โอ้โห เขิน เขินฉิบหายเลยตอนแรก (หัวเราะ) มันแรกๆ อยู่แล้ว แน่นอนทุกคน ทุกคู่เชื่ออยู่แล้วว่า เขินนะ มันไม่แปลกอยู่ดี คุณเข้าเลิฟซีนด้วยกันครั้งแรกไม่เขินมันแปลก เราต้องเรียนรู้และเชื่อใจกันมากในความรู้สึก ในการเล่น ในซีนพวก NC แบบนี้
ถาม แล้วพอมันเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จทุกคนก็จะต้องยอมรับว่าเป็นความคาดหวังและนอกเหนือจากความคาดหวังแล้วความสัมพันธ์ของความเป็นซีกับนุนิว ที่ไม่ได้เป็นเฉพาะบทบาทในซีรีส์ ในความรู้สึกของเรา รู้สึกอย่างไรบ้างกับน้อง ถามตรงๆ
ซี : ก็รู้สึกว่าเป็นมากกว่าพี่น้อง อย่างที่เคยบอกทุกคนก็รู้สึกดีจริงๆ เหมือนผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ ในช่วงเวลา 3 ปีมันก็มากขึ้น
ถาม ก็เลยซื้อของขวัญให้กันเป็นแหวนเพชร
ซี : อ๊ายยย อันนั้นธรรมดา (เขิน) เราทำงานด้วยกันมาเยอะมากๆ มีหลายอย่างที่หนูยังไม่มี เรารู้สึกว่าสิ่งนี้มันดีและเราชอบและหนูยังไม่มีเราก็ซื้อให้ หลังๆ ก็เลยไม่รู้จะให้อะไรแล้ว ไม่มีแหวนเพชร ให้แหวนเพชรเลยแล้วกัน เพราะว่าหนูเป็นคนชอบใส่เครื่องประดับ
ถาม ได้ข่าวว่าเขาก็ให้คืนด้วย
ซี : ใช่ คุ้ม (หัวเราะร่วน) กลายเป็นแหวนคู่งงๆ
ถาม ในชีวิตจริงๆ พี่ไม่เคยซื้อแหวนเพชรให้ใครเลยนอกจากแม่กับเมียสองคน ต้องเป็นคนที่พิเศษมากๆ เพราะเป็นสิ่งที่มีความหมายมาก แต่ก็อยากที่เขาบอกว่า เขาก็เป็นคนที่มีความหมายในชีวิตจริงๆ
ซี : พิเศษไหม พิเศษนะ เพราะว่า อารมณ์เหมือนคนในครอบครัว ทำงานด้วยกันมา อยู่ด้วยกันมา ก็ได้เงินมา ผมอาจจะทำงานเยอะด้วยแหละ รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ สำหรับผมที่แบบว่าให้แทนใจ แล้วมันคือมูลค่าทางใจมากกว่า เราไม่ได้ซื้อให้บ่อย ไม่ได้ซื้อให้ประปราย เราซื้อให้แค่วันที่สำคัญ
ถาม เข้าใจถึงคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันที่ยังไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งงานประสบความสำเร็จมากๆ ขนาดนี้ เหมือนโตมาด้วยกัน แล้วเหมือนเรามีกฎของการเดทกันด้วยระหว่างเฮียกับหนู
ซี : ใน Instagram ยอดติดตาม สมมุติผม ยอด 1 ล้าน หนูยอด เก้าแสน ถ้าหนู 1 ล้านก่อนก็ต้องพาไปเดทก่อน ทีละร้อยๆ ก็คือทุกๆ หนึ่งแสนที่ผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นจะมีเดท 1 เดท สลับกัน
ถาม แล้วที่การพาหนูไปพบกับพ่อแม่
ซี : อย่างแรกเลยพาไปเที่ยวก่อน ซึ่งก็ต้องพาไปแหละเพราะไปบ้านเราที่เชียงราย ช่วงสงกรานต์ก็ไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งสวยมาก ตอนแรกจะพาไปเที่ยวแต่ก็มันมาเชียงรายก็อยากจะกลับบ้านเพราะอยากเจอพ่อแม่ด้วย
ถาม คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง
ซี : น่ารักครับ ต้อนรับดีกว่าผมอีก (หัวเราะร่วน) ก็เป็นเรื่องปกติที่ดูแลแขกมากกว่าลูกอยู่แล้ว
ถาม เรานิยามความสัมพันธ์ระหว่างกันว่าอย่างไร
ซี : ไม่ได้จำกัดคำนิยามเลย
ถาม แต่ว่ามากกว่าพี่น้อง
ซี : มากกว่าพี่น้องแล้วก็รู้สึกว่าเป็นคนพิเศษในชีวิตครับผม เพราะเรารู้สึกว่า…อย่างที่บอกเป็นความห่วงใยแล้วเป็นความที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันแบบหลายอย่างมาก เรารู้สึกว่า ไม่รู้ว่าจะจำกัดคำนิยามไปทำไม ถ้าเรารู้สึกอะไรในอนาคต หรือในปัจจุบันเราก็แค่รู้สึกทำตามที่เรารู้สึกไป อนาคตหนูอาจจะมีแฟน เฮียมีแฟน หรือว่าอนาคตความสัมพันธ์เราจะไปในทิศทางไหนก็ปล่อยตามความรู้สึกไป
ถาม ถ้าวันหนึ่งเราเจอใครสักคนหนึ่งเราจะบอกน้องไหม
ซี : บอกนะเพราะว่าน้องก็เป็นคนสนิทคนหนึ่งของผม
ถาม มีงอน มีทะเลาะกันบ้างไหม
ซี : ทะเลาะแบบจัดๆ อยากจะทะเลาะเหมือนกันนะ ก็มันไม่มีสักที (หัวเราะ) ไม่ได้อยากจะเลาะแบบนั้นแต่หมายถึงว่าไม่เคยเจอฟีลนั้นแบบทะเลาะจริงจังหรือโกรธอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นงอนมีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ถ้าหนูตอบหนูก็จะตอบว่าหนูแน่ๆ แต่จริงๆ รู้สึกว่าอยากตอบกลางๆ ผมก็มีบ้าง แต่หนูอาจจะไม่รู้ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่า มันแก้ด้วยตัวเราเองได้ ไม่จำเป็นต้องคุยหรืออะไร เรื่องที่งอนกันก็จะเป็นแบบคุยกันคนละภาษาบ้างในบางครั้ง หรือว่าการทำงานเล็กๆ น้อยๆ หรือบางทีสมมติเราทำงานหนัก เราก็จะมีอีกความรู้สึกดาวน์หรืออะไรที่ต้องควบคุมตัวเองก็จะมีอารมณ์ของตัวเองส่วนตัวในบางอย่างของแต่ละคนอยู่แล้ว ก็จะมีนิดหนึ่ง
ถาม แล้วมีวิธีการที่จะต้องเข้าไปง้ออย่างไร ง้อยากไหม
ซี : ส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนง้อ หนูเป็นคนที่ง้อไม่ค่อยเก่ง แต่ในพาร์ตหนูก็มีครับ ง้อก็มี…โอ้โห แล้วแต่เรื่องเลย บางทีก็เข้าไปคุยบ้าง จับมือ ลูบหัวบ้าง กอดบ้าง หอม แกล้งหอมบ้าง อะไรประมาณนี้ แต่หนูเป็นคนที่หายไวครับ ถ้าง้อปุ๊บหายเลย ถ้าหอมปุ๊บหายแน่นอน แต่เราก็ห้ามใช้วิธีเดิมเดี๋ยวติด หมายถึงว่าผมไม่ได้ติด เดี๋ยวหนูจะติด (แซวเล่นขำๆ)
ถาม แล้วเวลาที่เราดาวน์หรือว่าน้องเอง เรามีวิธีการให้กำลังใจอย่างไร
ซี : ถ้าดาวน์พร้อมกันนี่แหละเหนื่อยเลย เวลาทำงานแน่นอนก็มีวันที่เอ็นเนอร์จี้ตกแตกต่างกันไป ก็นั่นแหละครับก็บอก สู้ๆ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ลุยกัน ทำให้เต็มที่ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยนะ หรือว่าถ้ารู้สึกเหนื่อย อย่างล่าสุดผมก็มีเรื่องในใจบางอย่างแต่ไม่ได้เล่ารายละเอียดดีเทลว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเหมือนหนูก็รู้มาจากอินเนอร์แหละ เพราะว่าถ้ามีเรื่องในใจเยอะจะไม่ค่อยพูดจะเงียบๆ หน้าจะเครียด หนูก็เป็นอะไรเล่าให้ฟังได้นะ แล้วก็เข้ามากอดแต่เราก็ไม่ได้เล่านะ เขาก็มากอด ก็ดีที่รู้ บางทีหนูจะคิดไปเองว่าเฮียงอนหนูอยู่หรือเปล่า ซึ่งเปล่า เรื่องส่วนตัว ก็มีในพาร์ตที่แบบว่านิ่งๆ แล้วก็หนูคิดว่าโกรธอะไรหนูหรือเปล่างอนอะไรหนูหรือเปล่า แต่ไม่ใช่ครับ เรื่องส่วนตัวล้วนๆ เราทำหลายอย่าง
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :